ไฮโดรเจนสีเขียวทั่วโลกสะดุด ต้นทุนสูง เสี่ยงฉุดเป้าลดคาร์บอน

24 กรกฎาคม 2568
ไฮโดรเจนสีเขียวทั่วโลกสะดุด ต้นทุนสูง เสี่ยงฉุดเป้าลดคาร์บอน

โครงการไฮโดรเจนสีเขียวหลายแห่งทั่วโลกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป หลังเผชิญต้นทุนผลิตสูงกว่าก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ยุโรปเสี่ยงพลาดเป้าหมายการผลิตในปี 2030

ผู้พัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวกำลังยกเลิกโครงการและปรับลดการลงทุนทั่วโลก ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจยาวนานเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้

อุตสาหกรรมที่ยากต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเคยมองว่าเหมาะสมกับการใช้ไฮโดรเจนสีเขียว เช่น การผลิตเหล็กและการขนส่งระยะไกล พบว่าการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำยังคงมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Westwood Global Energy ระบุว่า ในยุโรปแสดงให้เห็นถึงระดับของการปรับเปลี่ยนที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนี้  มีเพียงประมาณหนึ่งในห้าของโครงการไฮโดรเจนที่วางแผนไว้ทั่วสหภาพยุโรปเท่านั้นที่น่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นทศวรรษ นั่นหมายถึงกำลังการผลิตประมาณ 12 กิกะวัตต์ เทียบกับเป้าหมาย 40 กิกะวัตต์ของสหภาพยุโรป 

หลายบริษัทกล่าวว่า ต้นทุนที่สูงและความต้องการใช้ไฮโดรเจนสีเขียวที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ทำให้แผนหลายแผนไม่สามารถทำกำไรได้ บริษัทพลังงาน EDP ระบุว่า ไฮโดรเจนสีเขียวคือความคาดหวังที่เกินจริง ซึ่งกลายเป็นหุบเหวแห่งความผิดหวัง สิ่งที่ขาดไปคืออุปสงค์ ขณะนี้มีเงินอุดหนุนไฮโดรเจนอยู่ 400 ล้านยูโร (464.2 ล้านดอลลาร์) ในสเปนและโปรตุเกส ขณะเดียวกันบริษัทมีหลายโครงการที่อยู่ในขั้นตอนเดินหน้า แต่ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีผู้ซื้อ 

ที่สเปน บริษัท Iberdrola ได้ระงับแผนการขยายกำลังการผลิตของโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวที่มีกำลังของอิเล็กโทรไลเซอร์ 20 เมกะวัตต์ จนกว่าจะหาผู้ซื้อสำหรับผลผลิตเพิ่มเติมได้ 

Aurora Energy Research ระบุว่า ในปี 2020-2021 เคยมองว่าไฮโดรเจนจะถูกใช้ในแทบทุกภาคส่วนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้า แต่ขณะนี้มีทางเลือกอื่นที่น่าจะคุ้มค่าทางการค้ามากกว่าในหลายภาคส่วน และบางทีอาจไม่จำเป็นต้องใช้ไฮโดรเจนมากเท่าที่เคยคาดไว้แต่แรก

สเปนหวังจะสร้างเครือข่ายไฮโดรเจนความยาว 2,600 กิโลเมตร (1,615 ไมล์) และเชื่อมต่อกับโครงการ H2Med ที่เชื่อมจากคาบสมุทรไอบีเรียไปยังยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งควรจะเริ่มดำเนินการได้ราวปี 2030 แต่โครงสร้างพื้นฐานระดับยุโรปโดยรวมอาจล่าช้าไปอีก 2–3 ปี 

รัฐบาลหลายประเทศให้การสนับสนุนการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวมาโดยตลอด ไฮโดรเจนที่ผลิตจากการแยกน้ำด้วยไฟฟ้าซึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อช่วยลดคาร์บอนในภาคพลังงาน การขนส่ง และอุตสาหกรรม

ประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร เยอรมนี และญี่ปุ่น ได้ประกาศยุทธศาสตร์การลงทุนโดยหวังว่าจะลดต้นทุนลง และในที่สุดจะสร้างภาคธุรกิจไฮโดรเจนสีเขียวที่มีกำไรโดยไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การผลิตยังคงมีต้นทุนสูงกว่าก๊าซธรรมชาติและเชื้อเพลิงฟอสซิลทางเลือกอื่น 

ตัวอย่างเช่น ไฮโดรเจนสีเขียวมีต้นทุนสูงกว่าก๊าซธรรมชาติอย่างน้อย 3 เท่าในฐานะเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า และสูงกว่าไฮโดรเจนสีเทาเป็นสองเท่า ไฮโดรเจนสีเทาผลิตจากก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน และถูกใช้อยู่แล้วในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การกลั่นน้ำมัน และการผลิตแอมโมเนียกับเมทานอล

ต้นทุนอาจลดลงได้ 30-40% ภายใน 10-15 ปี หากราคาของอุปกรณ์ลดลงและห่วงโซ่อุปทานขยายตัว ไฮโดรเจนสีเขียวยังไม่น่าจะสามารถแข่งขันได้ก่อนช่วงเวลานั้น

ตามข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษา Wood Mackenzie ระบุว่า ขณะนี้มีความสามารถในการผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำทั่วโลก (รวมถึงไฮโดรเจนสีเขียวและสีน้ำเงินซึ่งผลิตจากก๊าซธรรมชาติ) เพียง 6 ล้านตันต่อปีที่อยู่ในขั้นดำเนินการหรือระหว่างการก่อสร้าง  ซึ่งต่ำกว่าระดับ 450 ล้านตันต่อปีที่จำเป็นตามเป้าหมายระดับโลกเพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 อย่างมาก

อุตสาหกรรมเคยคาดหวังว่า ภาคส่วนอย่างเหล็ก การกลั่นน้ำมัน ซีเมนต์ และการขนส่ง จะเป็นผู้ซื้อกลุ่มแรก ๆ แต่ความต้องการที่คาดไว้กลับไม่เกิดขึ้นจริง

บริษัทตีขึ้นรูปเหล็ก Dirostahl ของเยอรมนี ซึ่งผลิตชิ้นส่วนสำหรับกังหันลม เรือ และท่อเจาะน้ำมันและก๊าซ ยังคงพึ่งพาเตาหลอมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ และกำลังมองหาทางเลือก เนื่องจากไฮโดรเจนสีเขียวยังแพงเกินไป ราคาที่เสนอซื้อเชื้อเพลิงนี้ไม่ต่ำกว่า 150 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสามารถซื้อได้ในราคา 30–35 ยูโร/MWh 

บางประเทศในยุโรปได้ลดความทะเยอทะยานลง เช่น อิตาลีเพิ่งเปลี่ยนเงินทุนจากแผนฟื้นฟูหลังโควิดมากกว่า 600 ล้านยูโร จากไฮโดรเจนไปยังไบโอมีเทน

ฝรั่งเศสได้ลดเป้าหมายกำลังการผลิตไฮโดรเจนด้วยอิเล็กโทรไลซิสภายในปี 2030 ลงมากกว่า 30% ในเดือนเมษายน

โปรตุเกสได้ลดเป้าหมายกำลังการผลิตอิเล็กโทรไลซิสลง 45% รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เมื่อปีที่แล้วได้ปรับลดงบประมาณที่เคยจัดสรรไว้สำหรับโครงการไฮโดรเจนสีเขียวและการพัฒนาแบตเตอรี่ลงอย่างมาก พร้อมกับเปลี่ยนทิศทางของกองทุนสภาพภูมิอากาศไปสู่การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ 2 แห่ง

ขณะที่ออสเตรเลีย ผู้เล่นหลายรายก็ได้ปรับลดหรือถอนตัวจากโครงการ แม้ว่ารัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเกินกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

อีกหนึ่งปัญหาคือ ไฮโดรเจนเก็บรักษายาก เพราะต้องใช้ถังแรงดันสูง อุณหภูมิต่ำมาก และมีแนวโน้มรั่ว ทำให้การขนส่งผ่านท่อก๊าซเก่าเสี่ยงสูงในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานใหม่ยังไม่เสร็จ


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.